Absolute advantage : ความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าโดยสมบูรณ์ ซึ่งประเทศหนึ่งผลิตสินค้าอย่างหนึ่งได้มากกว่าอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้ทรัพยากรที่เหมือนกันและปริมาณเท่ากัน
Accelerator theory of investment : ทฤษฎีที่กล่าวว่า ปริมาณการลงทุนจะมากตามปริมาณรายได้ประชาชาติที่เพิ่มขึ้น หรือกล่าวอีกอย่างคือ เมื่อรายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้นเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นad valorem tax : ภาษีที่คิดตามราคาสินค้า เช่น 10%ของราคาสินค้า ตรงข้ามกับ per-unit tax, specific tax
Aggregate demand (AD) : มูลค่าความต้องการซื้อสินค้าและบริการรวมทั้งหมดทั้งประเทศในเวลา 1 ปี ของผู้บริโภค ธุรกิจ รัฐบาล และ ต่างประเทศAggregate supply (AS) : มูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตทั้งประเทศ ในเวลา1ปี
Asset : สินทรัพย์ มูลค่าของทรัพย์สิน(สิ่งที่ตีค่าเป็นเงินได้)ที่บุคคลหรือธุรกิจครอบครอง
Asymmetric information : ระดับข่าวสารต่างๆที่บุคคลหรือธุรกิจมีอยู่ในระดับต่างกันไม่เท่าเทียมกัน ทำให้อำนาจต่อรองและการตัดสินใจได้เปรียบเสียเปรียบกัน
Average fixed cost (AFC) : ต้นทุนคงที่เฉลี่ย คิดโดย นำต้นทุนคงที่รวมตั้ง หารด้วย ปริมาณผลผลิต
Average product (AP) : ผลผลิตเฉลี่ย คิดโดย นำปริมาณผลผลิตรวมตั้ง หารด้วย ปริมาณปัจจัยผันแปรที่นำมาใช้ในการผลิต
Average propensity to consume (APC) : ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการบริโภค คิดโดย นำค่าใช้จ่าย การบริโภคทั้งหมดตั้ง หารด้วย รายได้ คือ (C/Y)
Average propensity to import : ความโน้มเอียงเฉลี่ยของการซื้อสินค้าเข้าจากต่างประเทศ คิดโดยนำค่าสินค้าทั้งหมดที่ซื้อจากต่างประเทศตั้ง หารด้วย รายได้รวม คือ (M/Y)
Average propensity to save (APS) : ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการออม คิดโดย นำมูลค่าการออมทั้งหมดตั้ง หารด้วย รายได้ทั้งหมด
Average revenue (AR) : รายได้เฉลี่ย คิดโดย นำรายได้รวมตั้ง หารด้วย จำนวนสินค้าที่ขายได้
Average total cost (ATC, AC) : ต้นทุนรวมเฉลี่ย คิดโดย นำต้นทุนรวมตั้ง หารด้วย จำนวนสินค้าที่ผลิตได้
Average variable cost (AVC) : ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย คิดโดย นำต้นทุนแปรผันรวมตั้ง หารด้วยจำนวนสินค้าที่ผลิตได้
Accelerator theory of investment : ทฤษฎีที่กล่าวว่า ปริมาณการลงทุนจะมากตามปริมาณรายได้ประชาชาติที่เพิ่มขึ้น หรือกล่าวอีกอย่างคือ เมื่อรายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้นเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นad valorem tax : ภาษีที่คิดตามราคาสินค้า เช่น 10%ของราคาสินค้า ตรงข้ามกับ per-unit tax, specific tax
Aggregate demand (AD) : มูลค่าความต้องการซื้อสินค้าและบริการรวมทั้งหมดทั้งประเทศในเวลา 1 ปี ของผู้บริโภค ธุรกิจ รัฐบาล และ ต่างประเทศAggregate supply (AS) : มูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตทั้งประเทศ ในเวลา1ปี
Asset : สินทรัพย์ มูลค่าของทรัพย์สิน(สิ่งที่ตีค่าเป็นเงินได้)ที่บุคคลหรือธุรกิจครอบครอง
Asymmetric information : ระดับข่าวสารต่างๆที่บุคคลหรือธุรกิจมีอยู่ในระดับต่างกันไม่เท่าเทียมกัน ทำให้อำนาจต่อรองและการตัดสินใจได้เปรียบเสียเปรียบกัน
Average fixed cost (AFC) : ต้นทุนคงที่เฉลี่ย คิดโดย นำต้นทุนคงที่รวมตั้ง หารด้วย ปริมาณผลผลิต
Average product (AP) : ผลผลิตเฉลี่ย คิดโดย นำปริมาณผลผลิตรวมตั้ง หารด้วย ปริมาณปัจจัยผันแปรที่นำมาใช้ในการผลิต
Average propensity to consume (APC) : ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการบริโภค คิดโดย นำค่าใช้จ่าย การบริโภคทั้งหมดตั้ง หารด้วย รายได้ คือ (C/Y)
Average propensity to import : ความโน้มเอียงเฉลี่ยของการซื้อสินค้าเข้าจากต่างประเทศ คิดโดยนำค่าสินค้าทั้งหมดที่ซื้อจากต่างประเทศตั้ง หารด้วย รายได้รวม คือ (M/Y)
Average propensity to save (APS) : ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการออม คิดโดย นำมูลค่าการออมทั้งหมดตั้ง หารด้วย รายได้ทั้งหมด
Average revenue (AR) : รายได้เฉลี่ย คิดโดย นำรายได้รวมตั้ง หารด้วย จำนวนสินค้าที่ขายได้
Average total cost (ATC, AC) : ต้นทุนรวมเฉลี่ย คิดโดย นำต้นทุนรวมตั้ง หารด้วย จำนวนสินค้าที่ผลิตได้
Average variable cost (AVC) : ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย คิดโดย นำต้นทุนแปรผันรวมตั้ง หารด้วยจำนวนสินค้าที่ผลิตได้
Backward-bending labour supply curve : การตอบสนองของแรงงานต่อค่าจ้างที่เป็นลบ คือ เมื่อค่าแรงงานต่อชั่วโมง ต่อวัน ต่อชิ้น เพิ่มขึ้น แรงงานจะทำงานน้อยลง เพราะว่ามีเงินรายได้พอแล้ว จึงขอเพิ่มเวลาไม่ทำงานมากขึ้น เพื่อพักผ่อนมากขึ้น นายจ้างหลายรายใช้วิธีนี้เอาเปรียบลูกจ้าง โดยให้ค่าแรงต่ำเพื่อเร่งให้ลูกจ้างทำงานมากขึ้น เป็นการเอาเปรียบที่ไม่เป็นธรรม
Balanced budget : งบประมาณสมดุล คือ รายได้ เท่ากับ รายจ่ายBalance of payments accounts : บัญชีดุลการชำระเงิน คิดโดยเปรียบเทียบรายรับทุกอย่างที่เป็นเงินตราจากต่างประเทศ กับ รายจ่ายทุกอย่างที่เป็นเงินตราไปยังต่างประเทศ
Balance of trade : ดุลการค้า คือ มูลค่าสินค้าออกขายไปต่างประเทศ ลบด้วย มูลค่าสินค้าเข้าที่ซื้อจากต่างประเทศ คิดด้วยหน่วยเงินตราเดียวกัน
Barriers to entry : อุปสรรคกีดกันมิให้ผู้อื่นเข้าสู่กิจกรรมหรือธุรกิจนั้น
Barter : การแลกสินค้า คือ การค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการแลกกันแทนการใช้เงินตรา
Base year : ปีฐาน คือ ปีที่ถือเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบในการทำดัชนี ปีฐานมีค่าดัชนีเป็น 100
Bid : ราคาที่ผู้ซื้อเสนอซื้อในการประมูล
Bilateral monopoly : การผูกขาดที่มีผู้ขายคนเดียวผู้ซื้อคนเดียว
Bills of exchange : ตั๋วแลกเงิน เอกสารแสดงว่าจะจ่ายเงินโดยระบุจำนวนเงินและเวลาที่จะจ่ายให้แก่ผู้ถือเอกสารนี้ ส่วนมากใช้กับการค้าต่างประเทศ ซึ่งเอกสารกล่าวว่าจะจ่ายเงินให้เมื่อได้รับสินค้า
Bond : พันธบัตร คือ เอกสารการกู้เงิน ที่แสดงเงินต้น ดอกเบี้ย และ เวลาชำระคืน เป็นวิธีการกู้ยืมที่ไม่มีหลักประกันหนี้ มีเพียงกระดาษประกาศความเป็นหนี้อย่างเดียว ใช้ในธุรกิจหรือรัฐบาล
Boom : สภาพเศรษฐกิจรุ่งเรือง มีการผลิตมาก มีงานทำมาก ค้าขายคล่อง
Break-even point : จุดคุ้มทุน คือ จำนวนผลผลิตที่คุ้มทุนพอดี ไม่ขาดทุน ไม่กำไร
Broad money : เงินในความหมายกว้าง คือ ประกอบด้วยเงินสด (ธนบัตร เหรียญกษาปณ์) เงินฝากกระแสรายวัน (เขียนเช็ค) เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ ปัจจุบัน เรียกว่าเงิน M4 บางตำราอาจเป็น M ร ะดับอื่น
Budget constraint : มีเงินซื้อจำกัด การตั้งงบประมาณเงินซื้อไว้จำกัด
Budget deficit : การขาดดุลงบประมาณ คือ สถานะการเงินที่รายได้น้อยกว่ารายจ่าย
Budget line : เส้นงบประมาณ คือ เส้นที่แสดงว่า ในจำนวนเงินที่กำหนด จะซื้อสินค้าสองอย่างร่วมกันเป็นปริมาณอย่างละเท่าใด
Budget surplus : การเกินดุลงบประมาณ คือ สถานะการเงินที่รายได้มากกว่ารายจ่าย
Business cycles : วัฏจักรธุรกิจ คือ สภาพที่เศรษฐกิจเจริญขึ้น และ ตกต่ำลงสลับกัน อันเป็นธรรมดาของวงจรเศรษฐกิจของประเทศและของโลก บางทีเรียกว่า Economic cycles หรือ Trade cycles
Capital : ทุน, เครื่องมือการผลิต เช่น โรงงาน เครื่องจักร เครื่องมือ ที่ใช้ในการผลิตสินค้า ถ้าหมายถึงเงินที่ใช้จ่ายเพื่อการผลิต เรียกว่า money capital
Capital account : บัญชีทุน แสดงเงินลงทุนระหว่างประเทศที่ไหลเข้าประเทศและไหลออกจากประเทศหนึ่ง
Capital consumption allowance : ค่าเสื่อมของเครื่องมือการผลิต ที่เกิดจากการนำเครื่องมือการ ผลิตไปใช้ผลิตสินค้า บางทีเรียกว่า depreciation
Capital deepening, Capital intensive : การผลิตที่ใช้เครื่องจักรเครื่องมือมากกว่าใช้แรงงาน
Capitalism : ระบบนายทุน ระบบทุนนิยม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่เอกชนเป็นเจ้าของกิจการทางธุรกิจ มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายผ่านตลาด บางทีหมายถึงการใช้เงินต่อเงิน
Capital goods : สินค้าทุน คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือการผลิตสินค้า
Capital-labour ratio : อัตราส่วนทุนต่อแรงงาน คิดโดย นำจำนวนเงินที่จ่ายไปในการใช้เครื่องมือ หารด้วยจำนวนเงินที่จ่ายไปในการใช้แรงงาน เพื่อร่วมกันผลิตสินค้าอย่างหนึ่งขึ้นมา หรืออาจคิดเป็นสัดส่วนของจำนวนเครื่องมือต่อจำนวนแรงงานก็ได้ ถ้าเครื่องมือเป็นอย่างเดียวกันหมด และ แรงงานมีคุณภาพเหมือนๆกันหมด
Capital-output ratio : อัตราส่วนทุนต่อผลผลิต คิดโดย นำมูลค่าการใช้เครื่องมือเพื่อการผลิตตั้ง หารด้วย มูลค่าผลผลิตที่ได้นั้นCapital stock : มูลค่าเครื่องมือที่มีอยู่ในเวลานั้น
Cartel : กลุ่มธุรกิจที่รวมกันเหมือนเป็นธุรกิจเดียว เพื่อหวังผลการผูกขาด
Central bank : ธนาคารกลาง หรือ ธนาคารชาติ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นธนาคารที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ธนาคารต่างๆ รวมทั้งรัฐบาล ได้กู้ยืมเงิน ปัจจุบันเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐบาล มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ให้บริหารงานไม่เกิดความเสียหายแก่สังคมด้วย และ มักมีหน้าที่ออกธนบัตร ควบคุมปริมาณเงินให้มีปริมาณพอเหมาะแก่เศรษฐกิจของประเทศ
Ceteris paribus : ปัจจัยอื่นคงที่ไว้ก่อน จะกล่าวถึงปัจจัยอย่างหนึ่งมีผลอย่างไร ตามศัพท์แปลว่า สิ่งอื่นทั้งหมดเท่ากัน (All other things being equal) ซึ่งไม่มีความหมายอะไร
Checking deposit : การฝากเงินแบบเขียนเช็คจ่ายเงินให้ผู้รับเช็คนำไปรับเงินได้
Closed economy : เศรษฐกิจปิด คือ ระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีการค้ากับต่างประเทศ บางทีเรียกว่า Autarky
Collectivized farm : นารวม การเกษตรร่วมกัน คือ เกษตรกรหลายคนร่วมกันบริหารงาน โดยมีรัฐบาลเป็นเจ้าของและควบคุม

Command economy, Central planned economy : เศรษฐกิจแบบที่มีรัฐบาลกำหนดผลผลิตและราคา เศรษฐกิจในประเทศคอมมิวนิตส์
Commodity money : เงินที่ใช้สินค้าเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ไม่สะดวก แต่อาจเหมาะในบางกรณี
Common market : ตลาดร่วม คือ กลุ่มประเทศร่วมกันเปิดการค้าเสรี ไม่เก็บภาษีกันในการค้าระหว่างกัน แต่กีดกันการค้าประเทศที่อยู่นอกกลุ่ม
Communism : ระบบเศรษฐกิจที่ให้ปัจจัยการผลิตทุกชนิดเป็นของส่วนรวม
source : http://economicsthai.blogspot.com/2009/03/blog-post_06.html
Balanced budget : งบประมาณสมดุล คือ รายได้ เท่ากับ รายจ่ายBalance of payments accounts : บัญชีดุลการชำระเงิน คิดโดยเปรียบเทียบรายรับทุกอย่างที่เป็นเงินตราจากต่างประเทศ กับ รายจ่ายทุกอย่างที่เป็นเงินตราไปยังต่างประเทศ
Balance of trade : ดุลการค้า คือ มูลค่าสินค้าออกขายไปต่างประเทศ ลบด้วย มูลค่าสินค้าเข้าที่ซื้อจากต่างประเทศ คิดด้วยหน่วยเงินตราเดียวกัน
Barriers to entry : อุปสรรคกีดกันมิให้ผู้อื่นเข้าสู่กิจกรรมหรือธุรกิจนั้น
Barter : การแลกสินค้า คือ การค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการแลกกันแทนการใช้เงินตรา
Base year : ปีฐาน คือ ปีที่ถือเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบในการทำดัชนี ปีฐานมีค่าดัชนีเป็น 100
Bid : ราคาที่ผู้ซื้อเสนอซื้อในการประมูล
Bilateral monopoly : การผูกขาดที่มีผู้ขายคนเดียวผู้ซื้อคนเดียว
Bills of exchange : ตั๋วแลกเงิน เอกสารแสดงว่าจะจ่ายเงินโดยระบุจำนวนเงินและเวลาที่จะจ่ายให้แก่ผู้ถือเอกสารนี้ ส่วนมากใช้กับการค้าต่างประเทศ ซึ่งเอกสารกล่าวว่าจะจ่ายเงินให้เมื่อได้รับสินค้า
Bond : พันธบัตร คือ เอกสารการกู้เงิน ที่แสดงเงินต้น ดอกเบี้ย และ เวลาชำระคืน เป็นวิธีการกู้ยืมที่ไม่มีหลักประกันหนี้ มีเพียงกระดาษประกาศความเป็นหนี้อย่างเดียว ใช้ในธุรกิจหรือรัฐบาล
Boom : สภาพเศรษฐกิจรุ่งเรือง มีการผลิตมาก มีงานทำมาก ค้าขายคล่อง
Break-even point : จุดคุ้มทุน คือ จำนวนผลผลิตที่คุ้มทุนพอดี ไม่ขาดทุน ไม่กำไร
Broad money : เงินในความหมายกว้าง คือ ประกอบด้วยเงินสด (ธนบัตร เหรียญกษาปณ์) เงินฝากกระแสรายวัน (เขียนเช็ค) เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ ปัจจุบัน เรียกว่าเงิน M4 บางตำราอาจเป็น M ร ะดับอื่น
Budget constraint : มีเงินซื้อจำกัด การตั้งงบประมาณเงินซื้อไว้จำกัด
Budget deficit : การขาดดุลงบประมาณ คือ สถานะการเงินที่รายได้น้อยกว่ารายจ่าย
Budget line : เส้นงบประมาณ คือ เส้นที่แสดงว่า ในจำนวนเงินที่กำหนด จะซื้อสินค้าสองอย่างร่วมกันเป็นปริมาณอย่างละเท่าใด
Budget surplus : การเกินดุลงบประมาณ คือ สถานะการเงินที่รายได้มากกว่ารายจ่าย
Business cycles : วัฏจักรธุรกิจ คือ สภาพที่เศรษฐกิจเจริญขึ้น และ ตกต่ำลงสลับกัน อันเป็นธรรมดาของวงจรเศรษฐกิจของประเทศและของโลก บางทีเรียกว่า Economic cycles หรือ Trade cycles
Capital : ทุน, เครื่องมือการผลิต เช่น โรงงาน เครื่องจักร เครื่องมือ ที่ใช้ในการผลิตสินค้า ถ้าหมายถึงเงินที่ใช้จ่ายเพื่อการผลิต เรียกว่า money capital
Capital account : บัญชีทุน แสดงเงินลงทุนระหว่างประเทศที่ไหลเข้าประเทศและไหลออกจากประเทศหนึ่ง
Capital consumption allowance : ค่าเสื่อมของเครื่องมือการผลิต ที่เกิดจากการนำเครื่องมือการ ผลิตไปใช้ผลิตสินค้า บางทีเรียกว่า depreciation
Capital deepening, Capital intensive : การผลิตที่ใช้เครื่องจักรเครื่องมือมากกว่าใช้แรงงาน
Capitalism : ระบบนายทุน ระบบทุนนิยม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่เอกชนเป็นเจ้าของกิจการทางธุรกิจ มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายผ่านตลาด บางทีหมายถึงการใช้เงินต่อเงิน
Capital goods : สินค้าทุน คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือการผลิตสินค้า
Capital-labour ratio : อัตราส่วนทุนต่อแรงงาน คิดโดย นำจำนวนเงินที่จ่ายไปในการใช้เครื่องมือ หารด้วยจำนวนเงินที่จ่ายไปในการใช้แรงงาน เพื่อร่วมกันผลิตสินค้าอย่างหนึ่งขึ้นมา หรืออาจคิดเป็นสัดส่วนของจำนวนเครื่องมือต่อจำนวนแรงงานก็ได้ ถ้าเครื่องมือเป็นอย่างเดียวกันหมด และ แรงงานมีคุณภาพเหมือนๆกันหมด
Capital-output ratio : อัตราส่วนทุนต่อผลผลิต คิดโดย นำมูลค่าการใช้เครื่องมือเพื่อการผลิตตั้ง หารด้วย มูลค่าผลผลิตที่ได้นั้นCapital stock : มูลค่าเครื่องมือที่มีอยู่ในเวลานั้น
Cartel : กลุ่มธุรกิจที่รวมกันเหมือนเป็นธุรกิจเดียว เพื่อหวังผลการผูกขาด
Central bank : ธนาคารกลาง หรือ ธนาคารชาติ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นธนาคารที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ธนาคารต่างๆ รวมทั้งรัฐบาล ได้กู้ยืมเงิน ปัจจุบันเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐบาล มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ให้บริหารงานไม่เกิดความเสียหายแก่สังคมด้วย และ มักมีหน้าที่ออกธนบัตร ควบคุมปริมาณเงินให้มีปริมาณพอเหมาะแก่เศรษฐกิจของประเทศ
Ceteris paribus : ปัจจัยอื่นคงที่ไว้ก่อน จะกล่าวถึงปัจจัยอย่างหนึ่งมีผลอย่างไร ตามศัพท์แปลว่า สิ่งอื่นทั้งหมดเท่ากัน (All other things being equal) ซึ่งไม่มีความหมายอะไร
Checking deposit : การฝากเงินแบบเขียนเช็คจ่ายเงินให้ผู้รับเช็คนำไปรับเงินได้
Closed economy : เศรษฐกิจปิด คือ ระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีการค้ากับต่างประเทศ บางทีเรียกว่า Autarky
Collectivized farm : นารวม การเกษตรร่วมกัน คือ เกษตรกรหลายคนร่วมกันบริหารงาน โดยมีรัฐบาลเป็นเจ้าของและควบคุม
Command economy, Central planned economy : เศรษฐกิจแบบที่มีรัฐบาลกำหนดผลผลิตและราคา เศรษฐกิจในประเทศคอมมิวนิตส์
Commodity money : เงินที่ใช้สินค้าเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ไม่สะดวก แต่อาจเหมาะในบางกรณี
Common market : ตลาดร่วม คือ กลุ่มประเทศร่วมกันเปิดการค้าเสรี ไม่เก็บภาษีกันในการค้าระหว่างกัน แต่กีดกันการค้าประเทศที่อยู่นอกกลุ่ม
Communism : ระบบเศรษฐกิจที่ให้ปัจจัยการผลิตทุกชนิดเป็นของส่วนรวม
source : http://economicsthai.blogspot.com/2009/03/blog-post_06.html